รายงานการวิจัย เรื่อง : การถอดบทเรียน โครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น โรงเรียนขามแก่นนคร
ผู้วิจัย : นางสาวกฤษณา วรรณทิพย์ โรงเรียนขามแก่นนคร ตำบลศิลา อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
ปีที่ทำการวิจัย : 2561
บทคัดย่อ
การถอดบทเรียนโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น โรงเรียนขามแก่นนคร มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อติดตามผลการดำเนินงานโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของโรงเรียนขามแก่นนคร 2) เพื่อศึกษาวิธีปฏิบัติที่ดีที่ประสบความสำเร็จของโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโรงเรียนขามแก่นนคร 3) เพื่อถอดบทเรียนการดำเนินงานโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโรงเรียนขามแก่นนคร และ 4) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาและขยายผลโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโรงเรียนขามแก่นนครเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ครู จำนวน 5 นักเรียน จำนวน 38 คน ค่าสถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการดำเนินงานโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของ
โรงเรียนขามแก่นนคร (1.1) ด้านปัจจัยนำเข้า พบว่า กลุ่มครู ระดับการปฏิบัติด้านปัจจัยนำเข้าภาพรวม อยู่ในระดับ มาก (avr = 4.00) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ มาก ได้แก่ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ของโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น (avr = 4.33) จำนวนบุคลากรในการดำเนินงานโครงการมีอย่างเพียงพอ (avr=4.08) และ วัสดุและอุปกรณ์ในการดำเนินกิจกรรมมีความเพียงพอ (avr= 4.08) กลุ่มนักเรียน ระดับการปฏิบัติด้านปัจจัยภาพรวม อยู่ในระดับ มาก (avr= 3.97) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ มาก ได้แก่ วัสดุและอุปกรณ์ในการดำเนินกิจกรรมมีความเพียงพอ (avr= 4.22) บุคลากรที่ร่วมดำเนินการโครงการมีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม (avr = 4.21) และ มีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง (avr = 4.03) ตามลำดับ (1.2) ผลการติดตามผลการดำเนินงานโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ด้านปัจจัยนำเข้า พบว่า กลุ่มครู ระดับการปฏิบัติด้านปัจจัยภาพรวม อยู่ในระดับ มาก (avr = 4.30) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ มาก ได้แก่ มีการจัดประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนางาน (avr = 4.49) มีการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย (avr = 4.48) และ มีการติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง (avr =4.45) ตามลำดับ กลุ่มนักเรียน ระดับการปฏิบัติด้านปัจจัยนำเข้าภาพรวม อยู่ในระดับ มาก (avr = 4.13) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ มาก ได้แก่ นักเรียนมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม (avr = 4.31) มีการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างครู นักเรียน และผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ (avr = 4.22) และ กิจกรรมที่จัดส่งเสริมให้นักเรียนเป็นผู้มีนิสัยสนใจในการศึกษาค้นคว้า(avr = 4.12) ตามลำดับ (1.3) ผลการติดตามผลการดำเนินงานโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ด้านผลผลิต พบว่า กลุ่มครู ระดับการปฏิบัติด้านผลผลิตภาพรวม อยู่ในระดับ มาก (avr = 4.27) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ มาก ได้แก่ กิจกรรมยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น มีส่วนร่วมในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างโรงเรียนและชุมชน (avr = 4.48) โครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ทำให้นักเรียนมีความรักและมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน (avr = 4.38) และโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของชุมชน (avr = 4.27) ตามลำดับ กลุ่มนักเรียน ระดับการปฏิบัติด้านผลผลิตภาพรวม อยู่ในระดับ มาก (avr = 4.03) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ มาก ได้แก่ โครงการประวัติศาสตร์ท้องถิ่นทำให้นักเรียนมีความรักและมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน (avr = 4.27) กิจกรรมยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างโรงเรียนและชุมชน (avr = 4.17) และ นักเรียนได้รับการพัฒนาศักยภาพด้านการวิจัยจากการทำกิจกรรม (avr = 4.09) ตามลำดับ ***สรุปผลการติดตามผลการดำเนินงานโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น พบว่า การปฏิบัติทั้ง 3 เมื่อพิจารณาตามกลุ่มผู้ให้ข้อมูล พบว่า กลุ่มคณะครู มีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับ มากทุกด้าน โดยสูงสุดคือด้านกระบวนการ (avr = 4.30) รองลงไปคือ ด้านผลผลิต (avr = 4.14) และ ด้านปัจจัยนำเข้า (avr = 4.00) กลุ่มนักเรียน มีระดับการปฏิบัติอยู่ในระดับ มากทุกด้าน โดยสูงสุดคือด้านกระบวนการ (avr = 4.12) รองลงไปคือ ด้านผลผลิต (avr = 4.10) และ ด้านปัจจัยนำเข้า (avr =3.88) ** หรือจะเอาแค่นี้ 2) วิธีปฏิบัติที่ดีที่ประสบความสำเร็จของโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโรงเรียนขามแก่นนคร (2.1) การสร้างความเข้าใจและวางเป้าหมายสู่ความสำเร็จ (2.2) การสร้างความมีส่วนร่วม (2.3) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการสร้างเครือข่าย และ (2.4) การติดตามผลการดำเนินงาน 3) แนวปฏิบัติที่ดีของโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่น พบว่า แนวปฏิบัติที่ดีคือ (3.1) การมีประวัติความเป็นมาที่ดีและน่าสนใจของชุมชน (3.2) การมีผู้นำที่มีประสิทธิภาพ และ (3.3) การมีขั้นตอนในการดำเนินงานที่ชัดเจน และ
4) แนวทางการพัฒนาและขยายผลโครงการยุววิจัยประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโรงเรียนขามแก่นนครเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน พบว่า มีการสนับสนุนงบประมาณอย่างเพียงพอ และการประชาสัมพันธ์ในทุกมิติ
ดาวน์โหลด คลิก